สวัสดีค่ะ
เป็นการเรียนคาบที่ 4 การศึกษานอกห้องเรียน ”ศึกษาจากการจัดนิทรรศการของพี่ชั้นปีที่
5 ”
ดิฉันได้มีความสนใจในการศึกษา
ในรูปแบบ การสอนแบบโครงการ(Project Approach)
ที่มาแนวคิด “Project Approach” เริ่มจากความเคลื่อนไหวของนักการศึกษากลุ่มพิพัฒนนิยม (Progressive) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงศตวรรษที่ 19 –
20 จอห์น ดิวอี้
ได้เขียนบทความและหนังสือที่เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์ทางการศึกษา ที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กเกิดความตระหนักในชุมชนร่วมกัน
และได้นำโครงการเข้าไปใช้ในโรงเรียนทดลองที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในปี ค.ศ.1943 ลูซี่ สปราค มิทเชลล์ (Lucy Spraque
Mitchell) ได้นำนักศึกษาของวิทยาลัยการศึกษาแบงก์สตรีท
เมืองนิวยอร์ก ออกศึกษาสิ่งแวดล้อม
และได้สอนครูให้รู้จักวิธีการใช้โครงการวิธีสอนที่พัฒนาโดยวิทยาลัยการศึกษาแบงก์สตรีทนี้
มีส่วนคล้ายคลึงอย่างมากกับการสอนการใช้โครงการวิธีการสอนที่แบบโครงการ ส่วนในช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา ครูโรงเรียนก่อนประถมศึกษาเมืองเรกจิโอ เอมิเลีย ประเทศอิตาลี
ได้ประสบความสำเร็จในการนำโครงการเข้าไปใช้กับเด็กปฐมวัย
แต่ลักษณะโครงการส่วนใหญ่โน้มเอียงไปทางการเรียนรู้ภาษากราฟิก (เขียนภาพลายเส้น)
และข้อมูลที่ขยายการเรียนของเด็กผ่านโครงการรวมทั้งบทบาทของครูและพ่อแม่ในงานโครงการ
ซึ่งมีอยู่ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ : ทบทวนความรู้และความสนใจของเด็ก
เด็กและครูจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอภิปรายเพื่อเลือกและปรับหัวเรื่องที่จะทำการสืบค้น
หัวเรื่องอาจเสนอโดยเด็ก หรือครูและเด็กร่วมกันโดยใช้หลักในการเลือกหัวเรื่องดังนี้
1. เลือกหัวเรื่องที่เกี่ยวกับประสบการณ์ที่เด็กมีอยู่ทุกวัน อย่างน้อยเด็ก
ประมาณ 2 – 3 คน ควรคุ้นเคยกับหัวเรื่อง
และจะช่วยในการตั้งประเด็นคำถามเกี่ยวกับหัวเรื่อง
2. ทักษะพื้นฐานทางการรู้หนังสือและจำนวน
ควรถูกบูรณาการอยู่ในหัว
เรื่องที่ทำโครงการรวมทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา
เช่น การถามคำถาม การสังเกต การนับ การทำกราฟ
การสเก็ตซ์ภาพ การปั้น การประดิษฐ์
ฯลฯ
3. หัวเรื่องที่เลือกควรใช้เวลาทำโครงการได้อย่างน้อย 1 สัปดาห์
และ
เหมาะที่จะทำการสำรวจค้นคว้าที่โรงเรียนมากกว่าที่บ้านเมื่อได้หัวเรื่องแล้ว
ครูควรเริ่มทำแผนที่ทางความคิด (Mind
map) หรือ ใยแมงมุม(Web)
เพื่อระดมความคิดร่วมกับเด็กในหัวเรื่องนั้น และจัดแสดงแผนที่ทางความคิดที่ทำไว้ภายในชั้นเรียน
ซึ่งข้อมูลต่าง ๆที่ได้สามารถใช้ในการสรุป อภิปราย ระหว่างทำโครงการ
และยังสามารถเชื่อมโยงไปยังหัวเรื่องย่อยได้อีกนอกจากนี้ ในช่วงอภิปรายระดมความคิด ครูจะทราบว่าเด็กมีประสบการณ์ในหัวเรื่องนั้นเพียงใดที่เด็กจะเสนอประสบการณ์และแสดงแนวคิดสิ่งที่ตนเข้าใจในรูปแบบต่าง
ๆ ตามความเหมาะสมของวัย เช่นเด็กปฐมวัยอาจใช้การเขียนภาพ
เล่นบทบาทสมมติ ฯลฯ ครูจะเป็นผู้ช่วยให้เด็กเสนอคำถามที่ต้องการสืบค้นคำตอบ
จดหมายเกี่ยวกับหัวเรื่องที่จะสืบค้นถูกส่งไปยังบ้านของเด็ก
ครูจะเป็นผู้กระตุ้นให้พ่อแม่พูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับหัวเรื่องเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ครูจะชี้แนะวิธีสืบค้นเพื่อให้เด็กแต่ละคนได้ทำงานตามศักยภาพโดยใช้ทักษะพื้นฐานทางการสร้าง
การวาดภาพ ดนตรี และบทบาทสมมติ
ระยะที่ 2 พัฒนาโครงการ : ให้โอกาสเด็กค้นคว้า และมีประสบการณ์ใหม่เป็นงานในภาคสนาม ประกอบด้วยการสืบค้นตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ระยะนี้ถือเป็นหัวใจของโครงการ
ครูจะเป็นผู้จัดหา จัดเตรียมแหล่งข้อมูลให้เด็กสืบค้น
ไม่ว่าจะเป็นจริง หนังสือ วัสดุอุปกรณ์ต่าง
ๆหรือแม้แต่การออกภาคสนามหรือไปศึกษานอกสถานที่ หรือนัดหมายผู้เชี่ยวชาญ
วิทยากรท้องถิ่น เพื่อให้เด็กได้ทำการสืบค้น
สังเกตอย่างใกล้ชิด และบันทึกสิ่งที่พบเห็น
เขียนภาพที่เกิดจากการสังเกต จัดทำกราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม หรือสร้างแบบต่าง ๆ สำรวจ คาดคะเน
มีการอภิปรายเล่นบทบาทสมมติเพื่อแสดงความเข้าใจในความรู้ใหม่ที่ได้
ระยะที่ 3 สรุปโครงการ : ประเมิน สะท้อนกลับ และแลกเปลี่ยนงานโครงการเป็นระยะสรุปเหตุการณ์ รวมถึงการเตรียมเสนอรายงานและผลที่ได้ในรูปของการจัดแสดงการค้นพบ
และจัดทำสิ่งต่าง ๆ สนทนา เล่นบทบาทสมมติ
หรือจัดนำชมสิ่งที่ได้จากการก่อสร้างครูควรจัดให้เด็กได้แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเรียนรู้กับผู้อื่น
เด็กสามารถช่วยกันเล่าเรื่องการทำโครงการให้ผู้อื่นฟังโดยจัดแสดงสิ่งที่เป็นจุดเด่นให้เพื่อนในชั้นเรียนอื่น
ครู พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้บริหารได้เห็น ครูจะช่วยเด็กเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาแสดง
ซึ่งการทำเช่นนี้เท่ากับช่วยให้เด็กทบทวนและประเมินโครงการทั้งหมด
ครูอาจเสนอให้เด็กใช้จินตนาการ ความรู้ใหม่ที่ได้ผ่านทางศิลปะ
ทางละคร สุดท้ายครูนำความคิดและความสนใจของเด็กไปสู่การสรุปโครงการ
และอาจนำไปสู่หัวเรื่องใหม่ของโครงการต่อไป
คำศัพท์
1.การเรียนรู้ – Learning
2.การสอนแบบโครงการ
- Project Approach
3.สนทนา – talk
4.บุคคล – Person
5.ส่งเสริม – promote
6.ประโยชน์ – benefit
7.ทบทวน – review
8.ประสบการณ์ – Experience
9.ค้นพบ – discover
10. สำรวจ - a survey
สิ่งที่ได้รับ
การเรียนรู้ของเด็กนั้นมีหลากหลาย
แต่การเรียนรู้ที่สำคัญนั้นจะต้องเน้น
ผู้เรียนเป็นสำคัญที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวผู้เรียน
บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเด็กทั้งหมดจะต้องช่วยเหลือและส่งเสริมเด็กอย่ารอบด้าน
การประเมิน
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
: อาจารย์ให้ศึกษานอกห้องเรียนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาอย่างมาก
ประเมินตัวเอง : ได้เรียนรุ้จากความรู้เดิมที่ได้ศึกษามาก่อนหน้านี้
จากผู้ปฏิบัติงานจริง
No comments:
Post a Comment